สามปิฎก ชวนอ่านพระไตรปิฎก พระไตรปิฎกฉบับกระเป๋า
หน้าหลัก สงฺฆํ นมามิ หลวงปู่สอ ขันติโก วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า นครพนม มรณภาพเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา สิริรวมอายุ 114 ปี พรรษา 94

หลวงปู่สอ ขันติโก วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า นครพนม มรณภาพเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา สิริรวมอายุ 114 ปี พรรษา 94

โดย: สามปิฎก ชวนชาวพุทธอ่านพระไตรปิฎก 7 กรกฎาคม 2562 เปิดอ่าน: 1146
หลวงปู่สอ ขันติโก วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า นครพนม มรณภาพเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา สิริรวมอายุ 114 ปี พรรษา 94
นครพนม-สิ้นอีกพระเกจิชื่อดัง 6 แผ่นดินลือชื่อด้านวิทยาคมเข้มขลัง “หลวงปู่สอ ขันติโก” แห่งวัดพระธาตุท่าอุเทน สิริอายุ 114 ปี พรรษา 94 เผยเคล็ดลับอายุยืนของหลวงปู ฉันแต่เนื้อปลา ยอดผักสดลวดและกล้วยน้ำหว้าวันละ 1 ลูก

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่สอ ขันติโก พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง 6 แผ่น วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า หมู่ 10 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโณ พระเกจิชื่อดังวิทยาคมเข้มขลัง แห่งวัดพระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ได้ละสังขารอย่างสงบที่กุฏิวัด เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา ในวัย 114 ปี พรรษา 94 สร้างความเศร้าสลดแก่คณะลูกศิษย์และญาติ รวมทั้งสาธุชนที่ทราบข่าว 

นายชินพงษ์ กุลยะ ลูกศิษย์ที่ดูแลและใกล้ชิดหลวงปู่ เล่าว่า ก่อนที่หลวงปู่สอจะมรณภาพ ได้มีโรคชราภาพ ใช้ที่ครอบปากช่วยหายใจ บางครั้งก็ต่อสายอ๊อกซิเจนช่วยหายใจ ก่อนจะสิ้นลมมีอาการปอดติดเชื้อและความดันตก กระทั่งสิ้นลมเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เบื้องต้นคณะสงฆ์และลูกศิษย์ รวมทั้งญาติได้หารือกันว่า จะประกอบพิธีสรงน้ำศพในวันที่ 7 ก.ค.นี้ ในเวลาช่วงบ่ายเป็นต้นไป

หลวงปู่สอ  ขันติโก  พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง 6 แผ่น วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า หมู่ 10 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม 
หลวงปู่สอ ขันติโก พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง 6 แผ่น วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า หมู่ 10 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

สำหรับประวัติ หลวงปู่สอ มีนามเดิมว่า สอ แก้วดี เกิดในตระกูลชาวนา เมื่อวันจันทร์ที่ 20 พ.ค.2448 ปีมะเส็ง ตรงกับปลายรัชกาลที่ 5 เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้องร่วมอุทร 6 คน เมื่อแรกเกิด มารดาหลวงปู่บอกว่า บุตรชายมีสายรกพันคอ จะได้บวช ขระที่ชีวิตในวัยเด็ก มีนิสียเป็นคนเรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน นิสัยชอบเข้าวัดฟังธรรม ผิดแผกกับเด็กอื่นในวัยเดียวกัน 

บิดามารดาจึงได้พาเข้ากราบหลวงปู่สีทัตถ์ จึงเกิดความเลื่อมในศรัทธา จึงขอติดตามไปยังภูเขาควายฝั่งลาว และได้บวชเป็นสามเณรรับใช้อุปัฏฐากเล่าเรียนสรรพวิชา และวิทยาคมต่างๆจนช่ำชอง 

กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงเข้าสู่ร่มกาวสาวพัสตร์อุปสมบท มีหลวงปู่สีทัตถ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่รับใช้อุปัฏฐากผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ระยะหนึ่ง จึงได้ออกธุดงค์ไปตามป่าเขา ถ้าและภูผา จนกระทั่งได้รับทราบข่าวอาการป่วยของมารดา ในขณะที่หลวงปู่มีอายุ 32 ปี พรรษา 12 จึงลาสิกขามาดูแลบุพการีจนวาระสุดท้าย 

ต่อมาจึงเข้าอุปสมบทอีกครั้ง และได้ออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะตามป่าเขาในพื้นที่ภาคอีสาน ก่อนจะข้ามไปฝั่งลาวที่บ้านบุ่ง อยู่จำพรรษา พัฒนานาวัดบ้านบุ่งนานหลายปี ก่อนออกเดินธุดงค์ไปพบหลวงปู่สีทัตถ์ จนท่านมรณภาพ



ภายหลังผู้เป็นอาจารย์ละสังขาร จึงเดินทางกลับมาที่ฝั่งไทย จำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า ต.รามราช อ.ท่าอุเทน ในช่วงนั้นยังมีครูบาอาจารย์ที่เป็นสหธรรมิก และศิษย์ผู้พี่หลายท่าน อาทิ หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้วเหนือ ซึ่งเป็นศิษย์ผู้ใหญ่ในหลวงปู่สีทัตถ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นศิษย์ผู้พี่ของหลวงปู่ , หลวงปู่คาน คันธิโย, และยังไปศึกษาข้อวัตรกับหลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม อยู่บ่อยครั้ง จนเคร่งครัดในพระธรรมวินัย 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่หลวงปู่ท่านจะมรณภาพลงอย่างสงบ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนรูปหนึ่งในภาคอีสาน ดำรงชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย สายตายังมองเห็นชัด หูได้ยินเป็นปกติ ที่ทำให้อายุยืน เหงือกและฟันยังอยู่ครบเต็มปาก ฉันภัตตาหารเนื้อปลา ยอดผักสด กล้วยน้ำหว้าวันละ 1 ลูก 

ส่วนเคล็ดลับที่ท่านอายุยืน หลวงปู่สอเคยเล่าให้ฟังว่า ใช้วิชาปั่นธาตุ ซึ่งหมายถึงการนั่งจิตภาวนา สลับธาตุดิน-น้ำ-ลม-ไฟ ในร่างกาย เชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ 


หลวงปู่มีชีวิตสมถะ และอยู่ในวัยไม้ใกล้ฝั่ง เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา คณะลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาจากทั่วประเทศและญาติโยม ได้จัดมุทิตาจิตฉลองครบรอบอายุวัฒนมงคล ผ่านได้ร่วม 2 เดือน ส่วนสมณศักดิ์หลวงปู่สอ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระครูปลัดสอ 

ช่วงที่ลูกศิษย์จัดงานฉลองอายุวัฒนมงคล หลวงปู่อาพาธด้วยโรคชรา แต่ก็ยังออกมาพบกับญาติโยมที่มาร่วมงานดังกล่าว กระทั่งล่าสุด เมื่อเวลา 18.12 น. หลวงปู่สอ ได้ละสังขารอย่างสงบ สิริอายุ 114 ปี พรรษา 94


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พลันที่ชีพจรหลวงปู่อ่อนลง พยาบาลที่อยู่ในกุฏิแจ้งว่า สัญญาณชีพของหลวงปู่ไม่มีแล้ว หลวงปู่ละสังขารจากไปแล้ว ก็ได้แจ้งให้คนขึ้นไปตีระฆัง ปรากฏว่ามีสุนัขในหมู่บ้าน พากันส่งเสียงเห่าหอนรับกันหลายตัว อีกทั้งมีเสียงไก่ขันสอดประสานเสียงกัน ทุกคนต่างกล่าวพร้อมกันว่า หมา ไก่ ต่างรับรู้ว่าหลวงปู่จากไปแล้ว 

ขณะที่วัตถุมงคลของหลวงปู่สอแต่ละรุ่น ที่ท่านเมตตาให้จัดสร้าง ได้รับความนิยมอย่างสูง จนหนังสือพิมพ์และนิตยสารชั้นนำต่างประเทศ อาทิ ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลีใต้ มาเลย์เซีย ได้นำประวัติและวัตถุมงคลหลวงปู่ไปตีพิมพ์ จนวัตถุมงคลรุ่น 1 ถึงรุ่น 3 เป็นที่หายากไปแล้ว

ที่มา นสพ.ผู้จัดการออนไลน์  7 ก.ค. 2562 11:22   ปรับปรุง: 7 ก.ค. 2562 14:15
https://mgronline.com/local/detail/9620000064529
แชร์: